มะเร็ง

ยารักษามะเร็ง และการรักษามะเร็งเป็นปัญหาทางการแพทย์ที่ในปัจจุบันยังไม่สามารถหาทางรักษาได้อย่าง 100% เรียกว่าเป็นอะไรที่ท้าทายวงการแพทย์อย่างมาก เพราะมะเร็งแต่ละชนิดมีวิธีการรักษาไม่เหมือนกัน และไม่มียาอะไรที่ทำการรักษาได้ทุกมะเร็ง สำหรับการรักษามะเร็งตอนนี้สามารถแบ่งออกได้ทั้งหมด 6 แบบ

  1. การรักษาด้วยยาเคมีบำบัด (Chemotherapy)
  2. การรักษาด้วยยาเป้าหมาย (Targeted Therapy)
  3. การรักษาด้วยภูมิคุ้มกันบำบัด (Immunotherapy)
  4. การรักษาด้วยการบำบัดด้วยเซลล์ (Cell Therapy)
  5. การรักษาด้วยการฉายรังสี (Radiation Therapy)
  6. การรักษาด้วยการผ่าตัด (Surgical Treatment)

ซึ่งในวันนี้เราจะมาพูดถึงข้อแรกและข้อที่สอง เป็นเรื่องเกี่ยวกับยารักษามะเร็งซึ่งเป็นยาไม่ใช่การผ่าตัดหรือฉายรังสีครับ

ยารักษามะเร็งที่ดีที่สุดในตอนนี้มียาอะไรบ้าง?

  • Keytruda
  • Cisplatin
  • Cyclophosphamide
  • Imatinib (Gleevec)
  • Gefitinib (Iressa)

ยาที่ติดตัวท็อปในวงการแพทย์ตอนนี้มีอยู่ 5 ตัวนี้ครับ เดี๋ยวเราไปไล่ตั้งแต่ตัวแรกเลย เพราะอย่างที่บอกไปว่ายารักษามะเร็งยังไม่มียาตัวเดียวที่ครอบจักรวาลมะเร็งรักษาด้วยตัวยาตัวเดียวได้ จึงต้องแบ่งออกเป็น 5 อันนี้ครับ

1. Keytruda (Pembrolizumab)

  • กลไกการทำงาน:
    Keytruda เป็นยาภูมิคุ้มกันบำบัดที่ช่วยกระตุ้นระบบภูมิคุ้มกันของร่างกายให้โจมตีเซลล์มะเร็ง โดยการยับยั้งโปรตีน PD-1 (Programmed cell death protein 1) ซึ่งช่วยให้เซลล์มะเร็งหลบหลีกการโจมตีจากภูมิคุ้มกัน
  • เหมาะกับมะเร็ง:
    ใช้ในการรักษามะเร็งหลายชนิดที่ตอบสนองต่อภูมิคุ้มกันบำบัด เช่น มะเร็งปอด (Non-Small Cell Lung Cancer), มะเร็งผิวหนัง (Melanoma), มะเร็งกระเพาะอาหาร, มะเร็งมดลูก, มะเร็งปากมดลูก
  • ข้อดี:
    ประสิทธิภาพสูงในการรักษามะเร็งที่มีการลุกลามหรือไม่สามารถผ่าตัดได้ และผลข้างเคียงน้อยกว่ายาเคมีบำบัดบางตัว
  • ข้อเสีย: ราคาแพง และอาจมีผลข้างเคียงจากการกระตุ้นภูมิคุ้มกัน เช่น อาการอักเสบของอวัยวะ

2. Cisplatin

  • กลไกการทำงาน:
    Cisplatin เป็นยาเคมีบำบัดที่ทำลาย DNA ของเซลล์มะเร็ง ซึ่งจะยับยั้งการแบ่งตัวของเซลล์มะเร็ง
  • เหมาะกับมะเร็ง:
    ใช้ในการรักษามะเร็งหลายชนิด เช่น มะเร็งปอด, มะเร็งกระเพาะปัสสาวะ, มะเร็งรังไข่, มะเร็งหูรูด
  • ข้อดี:
    ประสิทธิภาพสูงในการฆ่าเซลล์มะเร็งและสามารถใช้ในกรณีที่มะเร็งลุกลาม
  • ข้อเสีย: ผลข้างเคียงค่อนข้างมาก เช่น อาเจียน, คลื่นไส้, ความเสียหายต่อตับและไต, ภาวะเลือดออก

3. Cyclophosphamide

  • กลไกการทำงาน:
    Cyclophosphamide เป็นยาเคมีบำบัดที่ทำลาย DNA ของเซลล์มะเร็งและยับยั้งการแบ่งตัวของเซลล์มะเร็ง
  • เหมาะกับมะเร็ง:
    ใช้ในการรักษามะเร็งหลายชนิด เช่น มะเร็งเต้านม, มะเร็งเม็ดเลือดขาว, มะเร็งปอด, มะเร็งรังไข่
  • ข้อดี:
    ใช้ในการรักษามะเร็งที่ไม่สามารถผ่าตัดได้และเหมาะสำหรับมะเร็งในระยะลุกลาม
  • ข้อเสีย: ผลข้างเคียงเช่น ภูมิคุ้มกันบกพร่อง, อาเจียน, คลื่นไส้, และความเสียหายต่อตับ
ยารักษามะเร็ง

4. Imatinib (Gleevec)

  • กลไกการทำงาน:
    Imatinib เป็นยาต้านมะเร็งที่ใช้ในการยับยั้งการทำงานของเอนไซม์ BCR-ABL ที่เกิดจากการกลายพันธุ์ของเซลล์มะเร็ง ซึ่งทำให้เซลล์มะเร็งไม่สามารถเติบโตได้
  • เหมาะกับมะเร็ง:
    ใช้ในการรักษามะเร็งที่มีการกลายพันธุ์ BCR-ABL เช่น มะเร็งเม็ดเลือดขาว (Chronic Myelogenous Leukemia หรือ CML), มะเร็งที่เกี่ยวข้องกับระบบภูมิคุ้มกันบางประเภท
  • ข้อดี:
    มีประสิทธิภาพสูงในการรักษามะเร็งเม็ดเลือดขาวชนิด CML และมะเร็งที่เกี่ยวข้องกับการกลายพันธุ์
  • ข้อเสีย: อาจมีผลข้างเคียงเช่น อาการบวม, ปวดหัว, อาการเกี่ยวกับทางเดินอาหาร

5. Gefitinib (Iressa)

  • กลไกการทำงาน:
    Gefitinib เป็นยาต้านมะเร็งที่ใช้ในการยับยั้ง EGFR (Epidermal Growth Factor Receptor) ซึ่งเป็นโปรตีนที่เกี่ยวข้องกับการเจริญเติบโตของเซลล์มะเร็ง โดยเฉพาะในมะเร็งปอด
  • เหมาะกับมะเร็ง:
    ใช้ในการรักษามะเร็งปอดชนิด Non-Small Cell Lung Cancer (NSCLC) ที่มีการกลายพันธุ์ใน EGFR
  • ข้อดี:
    มีประสิทธิภาพในการรักษามะเร็งปอดชนิดที่มีการกลายพันธุ์ EGFR และเหมาะกับผู้ป่วยที่ไม่สามารถผ่าตัดได้
  • ข้อเสีย: ไม่สามารถใช้ได้กับมะเร็งชนิดอื่นที่ไม่เกี่ยวข้องกับ EGFR และอาจมีผลข้างเคียงเช่น อาการผื่นคัน, ท้องเสีย, อาการเกี่ยวกับทางเดินอาหาร

สรุปการเลือกใช้ยารักษามะเร็ง

  • Keytruda (Pembrolizumab) เป็นตัวเลือกที่ดีที่สุดสำหรับมะเร็งที่ตอบสนองต่อภูมิคุ้มกันบำบัด (เช่น มะเร็งปอด, มะเร็งผิวหนัง) โดยเฉพาะในกรณีที่มะเร็งมีการลุกลามหรือไม่สามารถผ่าตัดได้
  • Cisplatin และ Cyclophosphamide เป็นยาที่เหมาะสำหรับการรักษามะเร็งหลายชนิดที่ต้องการการทำลายเซลล์มะเร็งโดยตรง แต่มีผลข้างเคียงที่รุนแรง
  • Imatinib (Gleevec) เหมาะกับการรักษามะเร็งที่เกี่ยวข้องกับการกลายพันธุ์ BCR-ABL เช่น มะเร็งเม็ดเลือดขาว (CML)
  • Gefitinib (Iressa) ใช้ในการรักษามะเร็งปอดชนิด NSCLC ที่มีการกลายพันธุ์ใน EGFR

การรักษามะเร็งต้องใช้เวลาเป็นอย่างมาก และต้องใช้พลังใจในการรักษาด้วย เพราะฉะนั้นใครที่เป็นอยู่ขอให้สู้ๆและเข้มแข็งเข้าไว้นะครับ อย่างน้อยอนาคตเราไม่รู้หรอกว่ามันจะหายไหม แต่ตอนนี้เรายังสามารถสู้ได้อยู่ก็ขอให้เต็มที่กับมันครับ บางคนอาจจะเบื่อโลกแล้ว ขอให้สู้อีกนิด ถ้าเบื่อมากเกินไปลองแวะเข้ามาเล่นหวยไวแก้เบื่อได้นะครับ อาจจะได้แรงฮึดในการสู้ต่อไปได้ครับ

Category
Tags

No responses yet

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *